Sunday, December 29, 2013

ทำให้สามารถสั่งพิมพ์ PDF ภาษาไทยได้

ทำให้สามารถสั่งพิมพ์ PDF ภาษาไทยได้

สำหรับmagento ที่ให้มานั้น ไม่สามารถพิมพ์PDF ภาษาไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ใบ Invoice หรือ Packingslip ถ้าเราต้องการให้สามารถพิมพ์ภาษาไทยได้ ต้องเข้าไปเพิ่ม font และ แก้ไขcode ดังนี้ค่ะ
  • เข้าไปที่folder lib สร้างfolder ใหม่ ในที่นี้สร้างเป็น fontthai
  • นำไฟล์ font thai นามสกุล .ttf เข้ามาวาง ในที่นี้ใช้ tahoma
  • แก้ไข code ในที่นี้จะต้องแก้สองไฟล์ คือที่app\code\core\Mage\Sales\Model\Order\Pdf\Abstract.php และที่app\code\core\Mage\Sales\Model\Order\Pdf\Items\Abstract.phpโดยให้ค้นหาคำว่า $font = Zend_Pdf_Font:: ในแต่ละไฟล์จะพบสามจุด โดยแก้เปลี่ยน path จากเดิม '/lib/LinLibertineFont/LinLibertineC_Re-2.8.0.ttf' เปลี่ยนเป็นpath ตัวใหม่ที่เรานำ font ไทย ไปวางไว้ '/lib/fontthai/tahoma.ttf'
  • ข้อสังเกตุ ในแต่ละจุดที่เราแก้ จะไม่เหมือนกันน่ะค่ะเพราะจะมีแก้font ธรรมดา, font หนา และ font เอียงค่ะ ^ ^
http://magentos.blogspot.com/2010/05/pdf.html

Wednesday, December 25, 2013

(((แนะนำ))) เรามาหาเงินกันเดือนละแสนเล่นๆกันดีกว่า - By adsene5438

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ

พอดีผมไม่ค่อยได้เข้าเวป thaiseoboard บ่อยมากเท่าไหร่ เนื่องด้วย ติดภารกิจ รักษาความสงบภายในบ้านเมือง จึงไม่ค่อยได้โพสอะไร มากมาย เพียงแค่เข้ามาดู แต่เนื่องด้วย ใกล้เทศกาลปีใหม่แล้ว ผมเลยมาแนะนำเพื่อนๆ เกี่ยวกับการหาเงิน ซึ่งทุกครั้งผมจะแนะนำเพื่อนๆให้ได้เดือนละหมื่นกว่าบาท เท่านั้น แต่ในวันนี้ผมจะแนะนำให้ได้เงินเดือนละแสนบาทต่อเดือนเขาทำกันยังไงครับ พร้อมตัวอย่าง เรามาเริ่มกันเลยนะครับ 

เป็นอันรู้กันนะครับ การทำอินเตอร์เน็ท สไตร์ผม ก็คือก็มีด้วยกัน 4 อย่าง นั้นก็คือ

1.การหาสินค้าที่ดีๆมาทำ
2.การหาคีย์เวริดที่ดีๆมาทำ
3.การสร้างเวป ทำ SEO Onpage
4.การสร้างลิงค์หรือทำ SEO Offpage

แต่วันนี้ จะไม่สอนแบบนี้แต่เพื่อนๆสามารถกลับไปหาอ่านได้ตามบทความเก่าๆของผมนะครับ แต่วันนี้ผมจะมาแนะนำเพื่อนๆ โดยการดูตัวอย่างของเขาที่ทำเงินกันนะครับ ขอย้ำนะครับ เป็นการยกตัวอย่างให้ดูเท่านั้น ผมไม่ทราบว่าของใครครับ แต่ก็จะเป็นแนวทางให้เพื่อนๆสามารถหาเงินได้เหมือนกัน

สิ่งแรกที่เราหานั้นคือสินค้าดีๆ ผมเข้าไปหาใน Clackbank นะครับ ซึ่งง่ายมาก แต่ถ้าใครที่อยากทำ Clackbank เป็นล่ำเป็นสัน ก็ให้สมัครตัวนี้ครับ http://cbengine.com  เสีย 27 เหรียญ ใช้ได้ตลอดชีวิต ผมสมัครนานแล้ว หาสินค้าได้ดีครับ ตัวดีๆเลย พอดีผมเข้าไปหาตัวหนึ่งแล้ว

เห็นตัวนี้ http://magicofmakingupcourse.com/ 

ผมมาใช้ตัว cbengine ดู แล้วจะได้ดังนี้ครับ 

 

ผมแนะนำให้ดูตัวค่าคอมมิชั่น และ ตัว gravity สูงๆ นะครับ เห็นตัวนี้แล้ว สูงมากครับ 113 กว่าแนะครับ สูงมากๆ ซึ่งนั้น แสดงว่าคนสนใจซื้อมากครับ 

จากนั้น เมื่อได้สินค้าแล้วนะครับ เราก็ไปหา keyword ครับ วิธีทำคือ ผมจะเอาไปเข้าโปรแกรมที่ชื่อว่า longtail pro ครับ เพื่อที่จะดูครับ แล้วผมก็สดุดคำๆหนึ่งนะครับ นั้นคือคำว่า 

the magic of making up 



คำนี้มีคนค้นเดือนละ แค่ 1000 คนครับ ซึ่งก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็พอทำได้ครับ ผมแนะนำว่า คีย์เวริดที่จะเลือกใช้นั้นให้ดูที่ ปัจจัยหลักแค่ไม่กี่ตัวนะครับ ปัจจัยในการทำ SEO มี ปัจจัยหลักๆอยู่ 3 นะครับ นั้นก็คือ 
1. Onpage
2. Offpage
3. URL 
นี้คือปัจจัยหลักๆ แต่ในการดูจากโปรแกรม  longtail pro ผมแนะนำว่าให้หาจาก keyword ที่มีตัว DA ไม่เกิน 30 ซัก 5 ตัวในหน้าแรก มีลิงค์เข้าเวปน้อยนะครับ มีค่า PR เวปต่ำๆหลายตัว หรือมี n/a เยอะๆเลยก็ดี แต่ที่สำคัญสุดคือ URL คำ ต้องไม่มี Keyword นั้นอยู่ใน URL นะครับ แต่จะให้ดีค่าที่โปรแกรมวัดออกมา ไม่เกิน ซัก 25 ก็ดีครับ แต่ที่ผมใช้ไม่เกิน 36 ครับ เพราะผมจะทำขึ้นหน้าแรกได้ง่ายครับ แต่ใครอยากให้อินเด็กแล้วขึ้นหน้าแรกๆเลยก็ให้มันวัดออกมาไม่เกิน 20 ครับ แล้ว เวลาเราทำแล้วอินเด็กจะได้หน้าแรกเลยครับ 

ต่อมาผมก็มาวิเคราะห์ต่อนะครับ ซึ่งจะเจอเวปหน้าแรกดังนี้นะครับ



จากตัวอย่างนะครับ จะเห็นเลยครับ เวปที่ผมตีกรอบสีแดงไว้นั้นคือเจ้าของเดียวกันครับ เห็นไหมครับ เราทำใช้เวปฟรีในการทำครับ ง่ายมากเลยครับ ขั้นตอนนี้ เพียงแค่เราทำในคีย์เดียวกันเห็นไหมครับ แต่ทำหลายๆตัวครับ ในเวปฟรี ครับ ไม่ว่าจะ blogger หรือ web2.0 ต่างๆที่โพสได้ครับ ในเนื้อหาแล้ว เอามาสปรินซ์ให้ได้ 100 เปอร์เซนต์จะดีมากเลยครับ จากนั้นเราก็ปรับ Onpage ครับ แค่นี้เราก็จะทำเวปได้แล้วนะครับ ง่ายๆครับ และที่สำคัญ ทำเยอะๆใน keyword เดียวกันครับ 

ต่อมาเราทำ SEO Offpage ครับ นั้นคือทำลิงค์ ครับ เรามาเช็คครับว่าเขาทำอะไรกับเวปฟรีเขาบ้างครับ ผมเห็นง่ายๆเลยครับ เวปอายุน้อยมากครับ ดูกรอบนะครับ แต่ลิงค์โหดมาก แสดงว่าเขาทำลิงค์โหดนะครับ เช็คลิงค์ดูแล้วส่วนมากจะเป็น Comment 

 


นี้ไม่ยากนะครับ แสดงว่า Googleชอบแบบนี้ 55555 จริงๆในเวปฟรี ซึ่งไม่ใช่ของเรานะครับ สามารถทำได้ ถ้าทำให้ถูกอันดับจะขึ้นหน้าแรกอย่างนี้นี้แหละครับ ถ้าใครทำไม่ได้ก็แนะนำที่ fiverr.com ครับ ไปหาเลยครับ ไม่กี่บาทหรอกครับ 5 เหรียญเองครับ 

เห็นไหมครับทำง่ายๆแบบนี้ ไม่ยากใช่ไหมครับ แค่หาสินค้า หาคีย์เวริด จากนั้นทำเวปฟรี และสุดท้ายทำลิงค์ครับ ลองดูคีย์ที่ผมให้ไปนะครับ เขาทำเยอะมากครับเวป แล้วขึ้นหน้า 1 เยอะมากๆ ถึง 7 ตัวคิดว่าคนเข้า 1000 กว่าคน คนซื้อก็น่าจะ ได้ประมาณ 100 ชิ้นเพราะเป็นสินค้าขายดีครับ เห็นไหมครับ ได้ชิ้นละประมาณ 31-32 เหรียญ ครับ ก็ได้ประมาณ 3000 กว่าเหรียญ ประมาณเดือนละแสนบาท แล้วครับ นี้ทำแค่สินค้าเดียวนะครับ แต่ถ้าทำหลายสินค้าเดือนละหลายแสนบาทเลยครับ ไม่ได้ยากอะไรเลยครับ 

ปล.สุดท้าย หากใครจะทำจริงๆหาสคริปต์ดีๆทำได้เหมือนกันครับ ก็คือปั่นนั้นแหละ แต่เน้นๆที่คีย์เวริดหน่อยแค่นั้นก็ได้แล้วครับ เดือนละแสนบาท ไม่ยากเลยครับ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน 

สุดท้าย ขออำนาจคุณพระศรีรัตนไตย์ในสากลโลก จงดลบัลดาลให้ทุกท่านจงประสบแต่ความสุขความเจริญ พบแต่สิ่งดีๆ และร่ำรวยเงินทอง ในปีใหม่ที่ใกล้จะถึงนี้ครับ

พ.ต.ท.สมพร ปราบุตร

adsene5438

Friday, November 8, 2013

20 เคล็ดลับ การทำเงินจาก Amazon Affiliate – เคล็ดลับจาก Problogger.net

20 เคล็ดลับ การทำเงินจาก Amazon Affiliate – เคล็ดลับจาก Problogger.net

darren rowseDarren Rowse ทำ Amazon มาเป็นปีที่ 10 สามารถทำเงินจาก Amazon ไปแล้ว 12.6 ล้านบาท ($420,000) ซึ่งในช่วงที่เขาเริ่มทำใหม่ๆนั้น รายได้ก็ไม่ค่อยจะกระเตื้องมากนัก เพราะเขาเองก็พึ่งเขียน Blog ได้เพียง 6 เดือนเท่านั้นเอง จนถึงปัจจุบัน รายได้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกๆปี โดยที่ปี 2012 ล่าสุด เขามีรายได้ประมาณ $80,000(ประมาณ 2.4 ล้านบาท) จะสังเกตได้ว่ารายได้เขาเพิ่งจะได้เยอะๆ เมื่อ 5 ปีให้หลังนี่เอง นั่นหมายถึง กว่าเขาจะได้มาขนาดนี้ ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึง 5 ปี เลยทีเดียว
แนวทางการทำเงินจาก Amazon Affiliate ของ Darren Rowse หรือเจ้าของ Blog ที่มีชื่อว่า ProBlogger.net นั้น เป็นที่รู้จักกันดีในวงของ Blogger ด้วยกันเอง ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของเขาด้วยเช่นกัน โดยที่มีหนังสือที่เขาได้เขียนขึ้นมาหลายเล่มที่สามารถนำมาเป็นความรู้ในการเขียน Blog และแนวทางการทำเงินต่างๆบนโลกออนไลน์
โดยภายในโพสนี้ ผมจะพยายามเรียบเรียงข้อคิดและเพิ่มเติมในส่วนประสบการณ์ส่วนตัวของผมและแสดงความคิดเห็นที่มีต่อ Darren Rowse เข้าไปด้วย เพื่อนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาตัวเราเองเพิ่มเติม
เข้าเรื่องของแนวทางการหาเงินจาก Amazon Affiliate ซึ่งเขาได้แชร์ประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ได้ลงมือทำ Amazon โดยที่เขาบอกว่า “Amazon Affiliate มันคุ้มค่าที่จะทำ” แม้ว่าเขาจะทำเงินจาก Amazon ได้ปีละหลายล้าน แต่เขาก็ยังถ่อมตัวเองด้วยประโยคที่ว่า “ผมอยู่แค่ระดับกลางๆเท่านั้นเอง มีคนที่เจ๋งกว่าผม และหาเงินจาก Amazon ได้เยอะกว่าผมมากๆ”
problogger

ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่ทำ Amazon Affiliate

  • Amazon ให้ค่า commission น้อย โดยที่เริ่มจาก 4% – 8.5% (ในขณะที่ ClickBank ให้สูงถึง 75%)
  • สินค้าหลายๆอย่างมีราคาต่ำมาก จำพวกหนังสือ ที่คนชอบซื้อบน Amazon และยิ่งรวมกับค่า commission ที่น้อยเข้าไปอีกแล้ว แทบไม่พอกิน
  • คนที่เข้า Amazon ผ่าน Affiliate Link ของเรา จะต้องซื้อสินค้าภายใน 24 ชั่วโมง เพราะผลของ cookie ตามกฎของ Amazon นั่นหมายถึงถ้าเขาไม่ซื้อของภายใน 1 วันเราก็จะไม่ได้ค่า commission นั่นเอง (แต่ถ้าเขาหยิบสินค้าลงตระกร้าสินค้า(Cart) ก็จะยืดระยะเวลาที่จะได้ค่า commission ไปอีก 30 วันเลยทีเดียว )
Darren Rowse แนะนำว่า แม้ว่าข้อมูลจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามข้างบน แต่ก็มีสินค้าที่สามารถทำเงินได้มากกว่า 8% (ตารางแสดงค่า commission ของ Amazon Affiliateเทคนิคคือ ให้โปรโมทสินค้าที่มีราคาสูง เพราะจะได้ค่า commission ที่สูงขึ้น

ข้อดีของการทำ Amazon Affiliate

amazon
  • Amazon เป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง – เรียกได้ว่าถ้าคนต้องการซื้อสินค้าจริงๆ ก็ไม่มีการลังเลที่จะหยิบใส่ตระกร้าแล้วจ่ายเงินเลย ซึ่งจะข้ามขั้นตอนที่ความไว้วางใจจากลูกค้าไปได้เลย เพราะเป็นร้านค้าออนไลน์ที่เชื่อใจได้อยู่แล้ว
  • ค่า commission จะเยอะขึ้นเมื่อโปรโมทสินค้าที่มีราคาสูง – แม้ว่าค่า commission จะดูน้อยเมื่อเทียบกับการขายหนังสือเล่มละ $10 แต่ถ้าสามารถโปรโมทสินค้าที่มีราคาสูงอย่างเช่น Laptop, HDTV หรือ Camera ได้แล้วล่ะก็ ก็ได้ค่า commission ที่คุ้มค่า
  • โดยปกติแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อของมากกว่า 1 ชิ้น – และนี่ถือเป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่ Amazon มอบให้กับเหล่า Affiliate เพราะถ้าลูกค้าเข้าผ่าน Affiliate Link ของเราแล้วล่ะก็(โดยไม่ผ่าน Link ของคนอื่น) ไม่ว่าลูกค้าจะซื้ออะไรก็ตาม จะได้ค่า commission ทั้งหมดเลย เช่น ลูกค้าผ่าน Affiliate Link ของเราไปซื้อเข็มขัด แต่ถ้าลูกค้าเกิดซื้อ Laptop และ TV ด้วยแล้วล่ะก็ นั่นแหละคือของแถมที่ดี
  • มีเครื่องมือเยอะแยะมากมายที่สามารถช่วยทำ Amazon ได้ง่ายขึ้น – จะสังเกตได้ว่า ทั้ง Amazon เอง หรือเหล่าบรรดาโปรแกรมเมอร์ทั้งหลาย ต่างก็สร้างเครื่องมือ ทั้งฟรีและไม่ฟรี ออกมาเพื่อโปรโมทสินค้าบน Amazon อย่างมากมาย และนั่นจะทำให้เราทำเว็บไซต์เพื่อขายของ Amazon ได้เร็วยิ่งขึ้น
  • ทำเงินได้อย่างมากช่วงเทศกาล – ไม่ว่าจะเป็น Valentine, Christmas, Thanksgiving, Black Friday หรือ Cyber Monday เป็นเทศกาลที่เหล่าคนทำ Amazon Affiliate ตั้งตารอคอยและจดจ่อเพื่อจะทำเงินอย่างมากในช่วงเทศกาลนี้ (รวมถึงตัวผมเองที่เริ่มทำ Amazon ใหม่ๆ ก็เริ่มจาก Black Friday นี่แหละ)
  • Amazon มีสินค้าหลากหลายมากๆ – แต่ก่อน Amazon จะมีแต่พวกหนังสือ แต่ปัจจุบัน มีตั้งแต่ไม้จิ้มฟัน ยันเรือรบ ซึ่งมีสินค้าที่ตอบสนองต่อคนทุกกลุ่มได้

20 เคล็ดลับในการทำเงินจาก Amazon Affiliate

เคล็ดลับการทำ Amazon
เคล็ดลับที่ 1 – Traffic Traffic Traffic
Traffic ก็คือปริมาณคนเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ ที่ยิ่งมีคนเข้าชมมากนั่นก็หมายถึง การเพิ่มโอกาสในการทำเงินได้มากขึ้น ทั้งนี้จะปิดการขายได้มากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับว่า Landing Page หรือ Sale Page ของเรา จะถูกใจผู้เยี่ยมชมมากแค่ไหน และประเภทของผู้เยี่ยมชมด้วย โดยวิธีที่ควรให้ความสำคัญในการเพิ่มจำนวน Traffic คือ สร้างเนื้อหาที่ดี (เนื้อหารวมไปถึง บทความ, วีดีโอ, รูปภาพ และ เสียง แต่ถ้าแปลตามพจนานุกรมจะได้ว่า ความสำราญใจ นั่นหมายถึง อะไรก็ได้ที่ทำให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์พอใจ ชอบใจ มีความสุข เป็นต้น)
Asuradech.com Note: สิ่งที่เราต้องเรียนรู้เพิ่มเติมและให้ความสนใจคือ Conversion Rate โดยที่คำนวณมาจาก จำนวนที่ประสบความสำเร็จ/ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ หรือถ้ามุมมองของการทำ Amazon ก็คือ Amazon Conversion Rate = จำนวนคนที่จ่ายเงินซื้อของ/จำนวนคนที่คลิกลิงค์เข้ามาซื้อของ จะสังเกตได้ว่า ค่า Conversion Rate ยิ่งสูง ยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึง คนเข้ามาซื้อเยอะนั่นเอง
เคล็ดลับที่ 2 – ความซื่อสัตย์และความไว้เนื้อเชื่อใจ
ในหลายๆครั้งเราจะพบว่า แม้ Blog เราจะทำอันดับบน Google ได้ก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครยอมซื้อผ่าน Affiliate Like ของเรา นั่นเป็นเพราะ ผู้อ่านนั้น เมื่อเห็น Affiliate Link ส่วนใหญ่แล้ว ในใจจะเกิดการต่อต้านขึ้นมาโดยอัตโนมัติว่า “อวยสินค้า กันอีกแล้ว” ซึ่ง ส่วนใหญ่ Blog ที่ทำแบบฉาบฉวยหรือไม่ค่อยมีคุณภาพนั้น มักจะเขียนบทความหรือ Review เพื่อให้สินค้านั้นดูดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น หลักในการเขียน Review ก็คือ ต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ของสินค้า แบบตรงไป ตรงมา ดีที่สุด
Asuradech.com Note: เทคนิคการเขียน Review โดยใช้ ข้อดีและข้อเสีย มาเขียนนั้น จะทำให้ผู้อ่าน รู้สึกขอบคุณมากกว่าการที่จะชมสินค้าเพียงอย่างเดียว เทคนิคในการนำข้อเสีย มากล่าวถึงให้ดูดีก็คือ นำข้อเสียที่ยอมรับได้มากล่าวถึง แต่อย่านำข้อเสียแบบสุดๆมาเขียน ไม่งั้นก็ไม่มีคนซื้อน่ะสิ
เคล็ดลับที่ 3 – สร้างเนื้อหาสำหรับ Buyer
สรุปได้คร่าวๆว่า พยายามเขียนบทความหรือสร้างเนื้อหาสำหรับผู้ที่ต้องการจะซื้อของ ซึ่งบทเรียนที่ได้รับคือ จากประสบการณ์ของ Darren Rowse นั้น เขาเป็นเจ้าของ Blog ที่เขียนเกี่ยวกับ เทคนิคการถ่ายภาพ โดยเดิมที เขาเน้นเนื้อหาไปที่ เทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ โดยส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ามาอ่านนั้น ส่วนใหญ่มีกล้องถ่ายรูปเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ทำให้แม้ว่ามีคนเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น แต่ยอด Amazon Affiliate กลับไม่เพิ่มขึ้นเลย
เพราะฉะนั้น จึงเปลี่ยนแนวทางการเขียนบทความใหม่ โดยโจทย์คือ มุ่งเป้าไปที่ คนที่กำลังมองหากล้องถ่ายรูปตัวใหม่ นั่นหมายถึง แทนที่จะเขียน เทคนิคการถ่ายรูป(สำหรับคนที่มีกล้องอยู่แล้ว) เขาเปลี่ยนเป็น เทคนิคการเลือกซื้อกล้องแทน ผลปรากฎว่า บทความได้ดึงดูด Buyer หรือผู้ที่กำลังมองหาซื้อกล้องตัวใหม่ โดยมักจะหาบทความ เกี่ยวกับการ Review หรือไม่ก็วิธีการเลือกซื้อกล้อง นั่นเอง
Asuradech.com Note: สรุปได้สั้นๆ ว่า Keyword จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
  • Information Keyword – เป็นคำที่คนค้นหา อยากได้เฉพาะข้อมูล เฉยๆ อาจจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้
  • Buyer Keyword – เป็นคำที่ผู้ค้นหาข้อมูล เตรียมพร้อมที่จะซื้อของแล้ว
เพราะฉะนั้นให้เรามุ่งเน้นไปที่ Buyer Keyword จะสามารถปิดการขายได้สูงขึ้น
เคล็ดลับที่ 4 – ความสัมพันธ์ระหว่าง สินค้ากับเนื้อหา
เป็นที่แน่นอนครับว่า เนื้อหาควรมีทิศทางเดียวกันกับสินค้า เพราะมีผลทั้งทางด้านผู้อ่านและ SEO ยกตัวอย่างเช่น เราสร้าง Blog เกี่ยวกับกีฬา แต่ดันโปรโมทสินค้าเกี่ยวกับเครื่องสำอาง มันก็ออกจะดูแปลกไปสักหน่อย แทนที่จะโปรโมทสินค้า จำพวกอุปกรณ์กีฬา เช่น รองเท้ากีฬา ชุดกีฬา มากกว่า
Asuradech.com Note: ข่าวดีก็คือ เนื้อหาที่มีความสอดคล้องกันกับสินค้า ได้ประโยชน์ 2 เด้ง
  • ดึงดูดผู้ที่ต้องการซื้อสินค้านั้นๆเข้ามายังเว็บไซต์
  • Google ชอบ เนื้อหาที่มีความสอดคล้องกันกับสินค้าหรือสิ่งของที่เรากำลังโปรโมท
เคล็ดลับที่ 5 – ส่งคนไปยัง Amazon ให้ได้ ที่เหลือเดี๋ยว Amazon ปิดการขายเอง
เทคนิคนี้เกิดมาจาก หน้า Landing Page หรือหน้า Sale Page ของ Amazon นั้น ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี และมักจะกระตุ้นให้คนซื้อของได้ง่ายขึ้น โดยจากตัวอย่างที่น่าสนใจของ Darren Rowse คือ เขาได้ลองโพสบทความที่ไม่เน้นขาย ไม่เน้นรีวิวหรือให้ความรู้เลย แต่เขียนคำถามเพื่อเอาความสนุกเท่านั้น
ตัวอย่างคือ เขาสอบถามผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ว่า ถ้าสมมุติว่า ร้านมีโปรโมชั่น ให้ซื้อของในร้านในฟรี $1,000 คุณจะเลือกอะไรบ้าง ปรากฎว่า เพียงคำถามสั้นๆ แต่มีคน comment ถึง 300 กว่าครั้ง (ซึ่งปกติจะมีคน comment เพียงหลักหน่วยหรือหลักสิบเท่านั้นเอง) ปรากฎว่า เขาลองแปะ Link ไปยัง Amazon ดู แล้วก็พบว่า มีบางคนซื้อของและเขาก็ได้รับค่า commission (แม้ว่าของที่ขายได้นั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเลยก็ตาม แต่ก็นั่นแหละคือข้อดีของ Amazon)
Asuradech.com Note: ข้อดีของ Amazon คือ ไม่ว่าลูกค้าจะซื้ออะไร เราก็ได้ค่า commission ทั้งหมด โดยข้อแม้มีเพียง ลูกค้าคนนั้นเข้า Amazon โดยผ่าน Affiliate Link ของเรา(โดยไม่เข้า Link ของคนอื่น) และ ซื้อของภายใน 24 ชั่วโมง หรือถ้าเป็น Add to cart จะยืดเวลาถึง 30 วัน
เคล็ดลับที่ 6 – การตลาดโดย Social Proof – Best Seller Lists
Social Proof หมายถึงการได้รับการยอมรับทางสังคม และบวกเข้ากับวิธีการสร้าง Best Seller Lists ขึ้นมา เพราะของที่ขายดีติดอันดับ Best Sellers นั้น หมายถึง ผู้คนนิยมในตัวสินค้านั้นๆ หรือนั่นหมายถึง การได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆว่า สินค้าชิ้นนั้นๆ มันดีจริงนั่นเอง
โดยที่ทาง Amazon ก็มีการจัดอันดับสินค้า Best Sellers แทบจะทุกหมวดหมู่เลยก็ว่าได้ โดยเริ่มจาก Amazon.com Best Sellers จะสังเกตเมนูด้านซ้ายมือได้ว่า มีทุกหมวดหมู่ให้เลือกเลยว่า เราอยากจะดูสินค้าขายดีตามหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับ Blog ของเรา
การที่จะใช้ประโยชน์จาก Best Sellers Lists ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดคือ พยายามส่ง Traffic ไปหน้า Best Seller Lists ให้ได้มากที่สุด โดยวิธีการคือ
  • การสร้าง Link ภายใน Blog จากบทความอื่นๆ มาหน้า Best Seller Lists
  • และแน่นอนว่า จะต้องสร้างบทความจากโพสอื่นๆ อยู่เสมอ
Asuradech.com Note: บทสรุปที่ได้จากการโพสบทความประเภท Best Sellers Lists ก็คือ
  • คนยินดีที่จะซื้อสินค้าที่ได้รับการยอมรับจาก Social Proof
  • สามารถปิดการขายได้ดี
  • สร้าง Lists ได้ง่าย จาก Amazon.com Best Sellers
เคล็ดลับที่ 7 – การตลาดโดย Social Proof – Reader Reviews
ในหลายๆครั้งจะพบว่าคนอ่าน Blog ของเราจะมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป และในหลายๆครั้งเอง ข้อมูลของเราอาจไม่กว้างพอ เพราะฉะนั้นผู้อ่านอาจมีความรู้หรือประสบการณ์ที่ดีกว่าเจ้าของ Blog และอยากแชร์ประสบการณ์นั้นๆกับเรา นั่นใช้หลักการเดียวกันกับ Amazon Customer Reviews นั่นเอง โดยที่สินค้าที่ได้ Rating สูง และลูกค้าเขียนรีวิวสินค้าดี ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ลูกค้าคนอื่นๆ ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
Asuradech.com Note: การใช้ประโยชน์จาก ข้อดีและข้อเสีย บน Amazon Customer Reviews มาเป็นส่วนหนึ่งในบทความนั้น ใช้ได้ผลดีมากทีเดียว (ไม่เชื่อต้องลองกันครับงานนี้)
เคล็ดลับที่ 8 – การ Review อย่างตรงไปตรงมา
การเขียน Review ที่ดีคือเขียนทั้งข้อดีและข้อเสีย ของสินค้า อย่างตรงไปตรงมา โดยที่นักเขียนของ Darren Rowse นั้น จะถูกปลูกฝัง ให้อ่านและใช้งานจริงจากสินค้า แล้วทำการเขียน Review โดยที่ไม่อวยสินค้า
ข้อดีคือ ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเชื่อมั่นและรู้สึกดีต่อบทความที่ถูกเขียนอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เกิดการติดตามข่าวสาร หรือแม้กระทั่งตามซื้อสินค้าของผู้เขียนหรือเจ้าของ Blog อย่างเต็มใจ
Asuradech.com Note: แนวทางการขายสินค้าบน Amazon โดยการ Reviews นั้น ถือเป็นวิธีการที่ได้ผลดีมากที่สุดอีกวิธีหนึ่งเลย, และสิ่งที่ได้เรียนรู้คือ หาทีมงานหรือคนเขียนบทความที่มีประสบการณ์และมีเวลาและทักษะในเขียนที่ดี เพื่อมาเขียนบทความบน Blog ของเรา จะช่วยให้เราประหยัดเวลา เพื่อไปทำในสิ่งที่สำคัญกว่าได้เยอยิ่งขึ้น (อันที่จริงแล้ว การเขียนบทความภาษาอังกฤษนั้น ถือว่าเป็นจุดอ่อนของผมเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการเฟ้นหานักเขียนและจ่ายค่าจ้างให้เขาไปนั้น ถือว่าคุ้มกว่ากันเยอะ)
เคล็ดลับที่ 9 – การกล่าวถึงสินค้าออกใหม่
แม้ว่า สินค้ายังไม่ถูกวางขาย และมีข้อมูลไม่มากนักเกี่ยวกับตัวสินค้า ทำให้ไม่สามารถเขียนบทความแนว Review ได้ เพราะได้แต่เขียนบทความแนว Preview โดยอย่างมากก็จะเป็น ข่าวหรือข้อมูลที่ทางเจ้าของสินค้าปล่อยข้อมูลออกมาบ้าง ซึ่งการเขียนบทความแนว Preview นี้ แม้จะมี Conversion Rate ที่ไม่ค่อยสูง แต่จาก เคล็ดลับที่ 5 คือ ส่งคนไปยัง Amazon.com ให้ได้ เดี๋ยวที่เหลือ Amazon ปิดการขายให้เอง (แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาก็ตาม แต่ก็ยังคงได้ค่า commission อยู่ดี)
Asuradech.com Note: ข้อดีของการเตรียมเนื้อหาเกี่ยวกับ สินค้าออกใหม่ คือ
  • คู่แข่งมีน้อย(ถึงน้อยมาก) ทำให้ทำอันดับบน Google ได้อย่างไม่ยากจนเกินไป
  • เนื่องจากมีคนทำไม่มาก ทำให้มี Traffic ไหลเข้ามายังเว็บไซต์หรือ Blog ของเราก่อน เพราะมีคนที่ต้องการรู้เรื่องสินค้าใหม่อยู่เสมออยู่แล้ว
  • และแน่นอนครับว่า Amazon มีระบบสั่งของล่วงหน้า ก่อนวางขายจริงอีกด้วย ทำให้เมื่อสินค้าวางขาย และคนที่จองผ่าน Affiliate Link ของเราทำการจ่ายเงิน เราก็จะได้ค่า commission นั่นเอง
เคล็ดลับที่ 10 – Text Link ปิดการขายได้ดีที่สุด
นี่ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญมากสำหรับคนที่กำลังหาวิธีการสร้าง Link ที่มีค่า conversion rate ที่สูงที่สุด เพื่อทำให้เกิดการซื้อสินค้ามากที่สุด นั่นคือ การสร้าง Link ไปยัง Amazon ด้วย Text Link หรือตัวอักษรธรรมดาๆนี่เอง จากประสบการณ์ของ Darren Rowse นั้น พบว่า เขาไม่ค่อยประสบความสำเร็จกับ Banner, widgets หรือ Button ที่ทาง Amazon สร้างและจัดหามาให้ และจากที่เขาได้คุยกับ Blogger คนอื่นๆ ก็พบว่า การใช้ Text Link นี่แหละ ปิดการขายได้ดีที่สุดแล้ว
Asuradech.com Note: Text Link หรือ Anchor Text ถือว่าเป็น Link แบบธรรมดาที่สุดและทุกคนที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยคำแนะนำคือ ควรสร้าง Text Link ให้เป็นสากล โดยที่ปกติตัวหนังสือจะต้องมีสีน้ำเงินและมีขีดเส้นใต้นั่นเอง จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ทันทีว่า ถ้ากดตัวหนังสือบริเวณนั้น จะ Link ไปยังหน้าอื่น นั่นเอง
เคล็ดลับที่ 11 – การโพสช่วงลดราคาของสินค้า
Buyer หรือขาช้อปทั้งหลาย มักจะตั้งตารอคอย เวลาที่ลดราคาสินค้าอยู่แล้ว โดยจากกรณีศึกษาคือ การส่ง E-mail ไปแจ้งผู้อ่านที่ subscribe เอาไว้ ว่าช่วงนี้มีสินค้าลดราคาเกี่ยวกับเนื้อหาใน Blog อยู่ แต่อย่าลืมว่า Amazon ห้ามขายสินค้าผ่าน E-mail เพราะฉะนั้น Link ที่ควรแปะไปใน E-mail ก็คือ โพสบน Blog ของเราที่มี Affiliate Link อยู่นั่นเอง
ผิดกฎ Amazon คือ ส่ง E-mail ไปหาผู้อ่าน > แปะ Affiliate Link ไปยัง Amazon
ถูกกฎ Amazon คือ E-mail ไปหาผู้อ่าน > แปะ Link ไปยังบทความที่เราโพสลดราคา > แปะ Affiliate Link บนโพสของเราที่เชื่อมโยงไปยัง Amazon
เคล็ดลับที่ 12 – การแปะ Text Link หลายๆที่ใน 1 โพส
การแปะพียง 1 Link อาจไม่เพียงพอ และถ้าแปะ Link เยอะเกินไป ผู้อ่านก็จะเกิดความรำคาญ โดยอารมณ์ประมาณว่า Hard Sell หรือยัดเยียดขายสินค้าจนเกินไป
Darren Rowse จึงทำการทดสอบโดยได้ผลของการทดสอบ โดยเปรียบเทียบ โพสที่มีเพียง 1 Link กับโพสที่มี หลายๆ Link อย่างทั่วถึงภายในโพส ดังนี้
  • Link ที่อยู่ล่างสุดของบทความ มีจำนวนการ click เยอะกว่า Link ที่อยู่ด้านบนของบทความ ( Asuradech.com Note: สาเหตุน่าจะมาจาก ผู้คนต้องการอ่านบทความก่อน แล้วเมื่ออ่านจบก็ขี้เกียจเลื่อนเม้าส์ไปยังบนสุดของบทความ จึงกด Link ที่อยู่บริเวณตอนจบของบทความนั่นเอง)
  • Link ที่อยู่ท้ายสุดของบทความ conversion rate สูงกว่า Link ที่อยู่ด้านบน นั่นหมายถึง Link ด้านล่างปิดการขายได้ดีกว่า
  • แต่อย่างไรก็ตาม Link ที่อยู่ด้านบน ก็ยังมีคนซื้ออยู่ดี แต่เขากลับพบว่า คนไม่ได้ซื้อสิ่งที่เขา Review แต่ไปซื้อสินค้าชิ้นอื่นที่ใกล้เคียงกัน ซะอย่างงั้น
วิธีที่เขาใช้การทดสอบคือ การลองใช้ 2 Links ต่อ 1 โพส
  • Link ที่ 1 – ใช้ Text Link ด้วยชื่อสินค้า ในประโยคแรก
  • Link ที่ 2 – ใช้ Text Link ด้วยชื่อสินค้า และ call to action หรือประโยคเชิญชวนให้ซื้อ เช่น check it out on Amazon หรือ get a price on XXXX หรือ buy your own copy of XXXX here เป็นต้น
เคล็ดลับที่ 13 – การใช้รูปภาพ Link ไปยัง Amazon
ก่อนหน้านี้เขาใช้เพียง Text Link แต่เมื่อเขาลองใช้ Program จาก CrazyEgg ซึ่งสามารถตรวจจับค่า Heat map ได้ว่า ผู้อ่านส่วนใหญ่เพ่งสายตาไปที่ส่วนใดของบทความมากที่สุด แล้วก็พบว่า ผู้คนมักจะมองไปที่รูปภาพ จากนั้นเขาจึง ใส่ Affiliate Link บนรูปภาพ แล้วก็ปรากฎว่า มันขายได้และได้ค่า commission มาพอสมควรเลย
Asuradech.com Note: จากประสบการณ์ในการทำ Amazon ตั้งแต่เริ่มแรก ผมได้ใช้ Affiliate ในทุกๆตำแหน่งของบทความไม่ว่าจะเป็น Text Link, Image Link, Button Link, Widgets Link และ Banner Link ก็พบเช่นเดียวกันว่า Link ทุกประเภท สามารถสร้างรายได้ได้ทั้งหมด แต่ Text Link จะมีแนวโน้มที่ดีที่สุดอยู่ดี
เคล็ดลับที่ 14 – การใช้ปุ่มซื้อ หรือ Buy Now Buttons
มีผลการทดสอบจาก Blogger ท่านหนึ่งว่า ปุ่มซื้อ (Buy Now Button) นั้นสามารถเพิ่ม conversion rate หรือปิดการขายได้เพิ่มขึ้น 50% – 100% แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการ Tracking หรือการเก็บข้อมูลของแต่ละคน โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้ Tracking ID ที่หลากหลาย ที่ Amazon อุตส่าห์จัดหามาให้ (1 account สามารถสร้างได้ 100 Tracking ID และสามารถขอเพิ่มได้ถึง 1,000 โดยส่ง E-mail ไปขอ Amazon โดยตรง)
Asuradech.com Note: ใน 1 โพส พยายามใช้ หลาย Tracking ID เพื่อเก็บข้อมูลว่า Link บริเวณใด สามารถทำ conversion rate ได้สูงสุด หรือสามารถปิดการขายได้เยอะที่สุด
เคล็ดลับที่ 15 – โฟกัสไปที่วันหยุดเทศกาล (Holidays)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง ปลายปีจะมีเทศกาลใหญ่อย่าง Christmas, Thanksgiving, Black Friday Cyber Monday และ ปีใหม่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Black Friday และ Cyber Monday นั้นจะมียอดขายสูงที่สุดของทุกๆปี โดยที่รายได้จะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดกันเลยทีเดียว

เทคนิคในการเขียนบทความในช่วง Holidays นี้ ควรเขียนประมาณ Buying Guides, Popular Lists, Great Deals Lists, Recommended Products และอื่นๆ
เคล็ดลับที่ 16 – การโปรโมทสินค้าที่เกี่ยวข้องกัน
จากประสบการณ์การทำ Blog เกี่ยวกับกล้องถ่ายรูป เขาพบว่า เขาต้องการขายกล้องหรือไม่ก็เลนส์ แต่ส่วนใหญ่ผู้อ่านมักจะมีกล้องกันอยู่แล้ว แต่ยังคงได้ค่า commission เพราะอุปกรณ์ต่างๆของกล้องนั้นมีอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้เขาสามารถขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกล้องถ่ายรูปได้เป็นจำนวนมาก แม้ไม่ได้โปรโมทมันก็ตามที
แต่เมื่อมียอดขายที่มากขึ้นเกี่ยวกับสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกัน ก็ต้องกลับมาทบทวนและให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น เพราะสินค้าที่เกี่ยวข้องเหล่านั้นเริ่มทำกำไรได้เยอะ
Asuradech.com Note: เทคนิคในการหาสินค้าที่เกี่ยวข้องให้เราเข้าไปที่ Amazon แล้วเลือกสินค้าที่เราสนใจ จากนั้นให้หาหัวข้อดังต่อไปนี้
What Other Items Do Customers Buy After Viewing This Item?
Related products on Amazon
Customers Who Viewed This Item Also Viewed
Related products
สรุปคือ ถ้าเห็นว่า สินค้าที่เราไม่ได้โปรโมท แต่กลับขายดี ก็ให้เราเริ่มโปรโมทได้เลย จะทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน
เคล็ดลับที่ 17 – โปรโมทสินค้า Pre-Orders หรือสินค้าออกใหม่ ยังไม่วางขาย
ต้องแน่ใจว่า Amazon ได้เปิดให้สั่งสินค้าชิ้นนั้นล่วงหน้าแล้ว เพื่อความมั่นใจว่า จะได้ค่า commission เมื่อสินค้าวางขาย
Asuradech.com Note: ยกตัวอย่างสินค้าที่ยังไม่วางจำหน่ายและเปิดให้ Pre-Order เช่น เครื่องเล่นเกมส์ Xbox One สมมุติว่า มีการเขียนบทความแล้วทำให้เกิดการสั่งสินค้าจำนวน 10 เครื่อง จะได้ค่า commission ประมาณ = $499.96 x 4% x 10 =  $200 (ประมาณ 6,000 บาท) นั่นหมายถึง บทความเพียงบทความเดียวที่อาจจะจ้างเขียนมา $10 แต่ได้เงินมากถึง $200 ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
pre order xbox one console
เคล็ดลับที่ 18 – อย่าลืมใช้ Tracking ID ให้เป็นประโยชน์
Amazon 1 account สามารถสร้าง Tracking ID ได้ถึง 100 ID ซึ่งสามารถขอเพิ่มได้สูงสุดถึง 1,000 ID แล้วเราจะสามารถสรุปได้ว่า Tracking ID ไหนทำเงินได้มากที่สุด และ Tracking ID นั้นใช้บริเวณใดของ Blog เพราะถ้าทั้ง Blog ใช้ Tracking ID เหมือนกันหมด เราก็จะไม่มีทางรู้เลยว่า ลูกค้า click link ส่วนใดของ Blog
Asuradech.com Note: เทคนิคการใช้ Tracking ID
  • Tracking ID ที่ 1 ใช้บริเวณ Banner บนสุดของ Blog
  • Tracking ID ที่ 2 ใช้บริเวณ Widgets
  • Tracking ID ที่ 3 ใช้บริเวณ ประโยคแรกของบทความ
  • Tracking ID ที่ 4 ใช้บริเวณ ประโยคสุดท้ายของบทความ
  • Tracking ID ที่ 5 ใช้บริเวณ รูปภาพ
  • Tracking ID ที่ 6 ใช้บริเวณ Buy Now Button
  • Tracking ID ที่ 7 ใช้บริเวณ Footer
สมมุติว่า เมื่อขายของได้ แล้วเราเข้าไปดู report บน Amazon แล้วพบว่า ลูกค้าซื้อสินค้าผ่าน Tracking ID 4(ใช้บริเวณ ประโยคสุดท้ายของบทความ) มากที่สุด นั่นหมายถึง การแปะ Link บริเวณส่วนท้ายของบทความหรือโพสนั้น ได้ผลดีที่สุดและควรนำไปใช้กับโพสต่อๆไป นั่นเอง
เคล็ดลับที่ 19 – อย่าดูถูกของราคาต่ำ
จากตารางการจ่ายค่า commission ของ Amazon นั้น จะเพิ่มขึ้น โดยขึ้นอยู่กับจำนวน(ชิ้น)สินค้าที่ขายได้ แต่ก็มีสินค้าหลายๆกลุ่ม อย่างเช่น Electronics ที่ค่า commission ถูก fix ตายตัวที่ 4% ไม่เพิ่มตามจำนวนชิ้นที่ขายได้
amazon volume based advertising fee rates
ตารางแสดงค่า commission ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนสินค้าที่ขายได้
ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าสมมุติว่า เราขายสินค้าที่มีราคา $300 โดยที่ทั้งเดือนนี้ ขายสินค้าได้ 6 ชิ้น จึงคิดค่า commission ที่ 4.00% จะได้ค่า commission ประมาณ $12
แต่ถ้าก่อนตัดยอดรายได้สิ้นเดือน เราสามารถขายของถูกๆ ได้เยอะมากๆ จำนวน 700 ชิ้น ค่า commission จะเปลี่ยนเป็น 8.00% เพราะฉะนั้นสินค้าจะเพิ่มค่า commission โดยอัตโนมัติเป็น $24 ทันที
นั่นหมายถึง สินค้าทั้งหมดที่เราขายได้ จะถูกเพิ่มค่า commission ทั้งหมด เป็น 2 เท่า เลยทีเดียว
สาเหตุที่ต้องเน้นของถูกก็เพราะ สามารถขายได้หลายชิ้น กลับกันกับสินค้าที่มีราคาแพง แม้จะได้ค่า commission ที่สูง แต่จำนวนชิ้นจะน้อย
แต่ก็มีข้อยกเว้นบางสินค้า ที่ไม่ปรับค่า commission ให้ เนื่องจากต้นทุนสูง ทำให้ Amazon ต้อง Fixed ค่า commission ไว้แบบตายตัว ไม่เช่นนั้นแล้ว Amazon ขาดทุนเยอะเลย
amazon fixed advertising rates
ตารางแสดงค่า commission ที่มีค่าตายตัว ไม่เพิ่มตามจำนวนสินค้าที่ขายได้
เคล็ดลับที่ 20 – ขายของแพง
แน่นอนครับว่า ของแพงใครก็อยากขายได้กันทั้งนั้น เพราะขายได้เพียงไม่กี่ชิ้น ก็สามารถทำเงินจากค่า commission ได้อย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่น นาฬิกาที่มีราคาสูงถึง $3,400 ถ้าคิดค่า commission ต่ำสุดถึงสูงสุด จะได้ค่า commission ประมาณ$136 – $272 (4,000 – 8,000 บาทเลยทีเดียว) แม้ว่าจะขายได้น้อยชิ้น แต่ก็คุ้มค่าจะลองทำดู เนื่องจากผลตอบแทนที่สูง
men watches hight price

10 เทคนิคเพิ่มเติมในการทำ Amazon Affiliate

เทคนิคที่ 1 - หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
แม้ว่า Darren Rowse จะทำเงินได้มากถึง $420,000 (12.6 ล้านบาท) ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา แต่รายได้ส่วนใหญ่นั้น มาจาก 5 ปีล่าสุดซะมากกว่า และในช่วง 3 ปีแรกที่เริ่มทำ Amazon นั้น เขายอมรับว่า ได้เงินน้อยมากๆ
Asuradech.com Note: โดยส่วนใหญ่แล้ว คนที่เริ่มทำ Amazon Affiliate ใหม่ๆ มักจะถอดใจเลิกทำไปตั้งแต่ 3-6 เดือนแรก ด้วยซ้ำไป เพราะอาจจะไม่เห็นผลทันใจและล้มเลิกกันไปเสียก่อน (อันที่จริงส่วนตัวผมเองนั้น ก็ได้ทำมาเป็นปีที่ 3 ก็ต้องยอมรับว่า ใช้ความอดทนสูงมาก จนเกือบจะเลิกไปหลายครั้งก็มี แต่ด้วยความที่เชื่อมั่นว่า เราต้องทำได้และทำได้มากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องอดทนทำต่อไปจนกว่า จะมีรายได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้)
เทคนิคที่ 2 – เริ่มเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
คนส่วนใหญ่กลัวการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เพราะไม่คุ้นเคยหรือไม่มีประสบการณ์มาก่อน ทำให้กลับต่างๆนาในการที่จะเริ่มต้นหาเงินจาก Amazon เนื่องจาก Amazon Affiliate ขับเคลื่อนโดย Affiliate Marketing หรือการตลาดแบบ Affiliate ซึ่งมีเรื่องจำเป็นที่จะต้องเรียนอีกมากมาย เพราะฉะนั้นใครเริ่มก่อนได้เปรียบ
Asuradech.com Note: อย่างน้อยๆ ทักษะที่เราควรจะมีในการหาเงินออนไลน์ก็คือ 23 ทักษะที่จำเป็นต่อการเป็น Internet Marketer ฉายเดี่ยว
เทคนิค 3 – สร้างเนื้อหาสำหรับผู้อ่านก่อนเป็นอันดับแรก
จุดประสงค์ในข้อนี้ก็คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง Blog กับ ผู้อ่านในระยะยาว เพราะฉะนั้น อย่าอวยสินค้าจนเกินไป ควรให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสินค้า เพราะนั่นสามารถซื้อใจผู้อ่านได้ในระยะยาว และผู้อ่านก็เต็มใจที่จะซื้อผ่าน Affiliate Link อีกด้วย เพราะเหมือนเป็นการตอบแทนที่ Blog เขียนเนื้อหาได้ดีและประโยชน์ต่อพวกผู้อ่านนั่นเอง
เทคนิคที่ 4 – เลือกโปรโมทสินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น
สินค้าต้องดี เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจรู้กันเป็นอย่างดี เพราะถ้าสินค้าไม่ดีแล้ว ต่อให้โปรโมทแค่ไหน ยอดขายมันก็ไม่กระเตื้องสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น สินค้าที่ดีและมีคุณภาพนั้น จะปิดการขายได้ดีมาก
เทคนิคที่ 5 – ต่าง Blog ต่างเทคนิค
เทคนิคและเคล็ดลับที่ใช้ได้ผลกับ Blog นี้ อาจจะใช้ไม่ได้ผลกับอีก Blog หนึ่ง เพราะเนื่องมาจาก เนื้อหาในแต่ละ Blog จะดึงดูดผู้อ่านไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น Asuradech.com จะทำเงินจาก Amazon Affiliate คงจะยาก เพราะ Amazon.com เน้นขายคนที่ USA มากกว่า เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะทำเงินจากคนไทย เป็นต้น
เทคนิคที่ 6 – ติดตามข่าวลดราคาจาก Amazon associate
The Official Amazon Associates Blog เป็น แหล่งที่คอยติดตามข่าวสารการลดราคาหรือข้อเสนอพิเศษต่างๆ โดยที่ถ้าเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Blog ของเรา เราก็สามารถใช้โอกาสตรงนี้ ส่งข่าวถึงผู้อ่าน Blog ของเราได้รวดเร็วและเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เทคนิคที่ 7 – อย่าหยุดเรียนรู้จาก Amazon
Amazon ถือว่าเป็นร้านค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นทุกการกระทำของ Amazon ย่อมผ่านการทดสอบและลองผิด ลองถูก มามากมาย ดังนั้นหน้าที่ของเราคือ ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงบน Amazon ให้ดี ยกตัวอย่างเช่น รูปแบบการจัดวางหน้าเว็บไซต์, การนำเสนอเนื้อหา, การรีวิวสินค้า และป้ายโฆษณา
เพราะหน้า Landing Page หรือ Sale Page ของ Amazon นั้นถือว่าปิดการขายได้อย่างดีเยี่ยม
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับบทเรียนการทำ Amazon ที่ได้รับจาก Darren Rowse เจ้าของบล็อก ProBlogger ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีของผู้ที่ทำ Amazon Affiliate มาแล้วกว่า 10 ปี โดยตัวผมเองนั้น ก็ยังคงต้องเรียนรู้เรื่องต่างๆอีกมากมาย เพื่อที่จะทำให้รายได้จาก Amazon เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ก็หวังว่าการแปลบทความจากภาษาอังกฤษ บวกกับความรู้ที่ผมได้ศึกษามานี้ จะช่วยให้เพื่อนๆ มีรายได้ที่สูงขึ้นกับการหาเงินจาก Amazon
เพื่อนๆมี ข้อแนะนำหรือความคิดเห็นอย่างไร สามารถแนะนำกันเข้ามาได้นะครับ ทาง Asuradech.com จะพยายามปรับปรุงเนื้อหาให้ดีขึ้นเรื่อยๆครับผม
- See more at: http://www.asuradech.com/20-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-amazon/#sthash.BRZfnjkQ.dpuf

Thursday, August 15, 2013

การติดตั้ง PHP 5.3 up ด้วย IIS 6 ให้ใช้ SQL SERVER ได้

KMP uses Microsoft's SQLSRV driver, which installs as a PHP extension, to connect to a MSSQL database. This guide explains how to install this driver on Windows 2003 and Windows XP with IIS6.

Supported PHP versions:

  • PHP v5.2.13+
  • PHP v5.3.6+
Please note that PHP v5.4 and higher is NOT supported by SQLSRV v2.0. At the same moment SQLSRV v3.0 doesn't work on IIS6. So, if you're using IIS6 and MSSQL, you need to use v5.2.* or v5.3.* family of PHP with SQLSRV v2.0.

Installation

Download the SQLSRV20.EXE file from the official Microsoft website. Please note that the other file, SQLSRV30.EXE, includes the drivers that do not support IIS6 - you do not need to download it. 
Double click on the downloaded file. It is a self-extracting archive. It will ask you where to extract the files. Use a temporary target folder for this, you would need only one of the extracted files.
Check the upacked files. You can see a bunch of them, though you need only one file. We recommend to use PHP 5.3.6+ compiled with VC9 x86 Non Thread Safe, so if you installed PHP using one of our guides (guide for IIS6) the file that you need is this one:
php_sqlsrv_53_nts_vc9.dll
Otherwise, pick a file that matches your version of PHP using this table.
Driver file
PHP version family
Thread safe?
Use with PHP .dll
php_sqlsrv_53_nts_vc6.dll
5.3.*
no
php5.dll
php_sqlsrv_53_nts_vc9.dll
5.3.*
no
php5.dll
php_sqlsrv_53_ts_vc6.dll
5.3.*
yes
php5ts.dll
php_sqlsrv_53_ts_vc9.dll
5.3.*
yes
php5ts.dll
php_sqlsrv_52_nts_vc6.dll
5.2.*
no
php5.dll
php_sqlsrv_52_ts_vc6.dll
5.2.*
yes
php5ts.dll
Copy the chosen file to the PHP extensions directory. By default it is C:\PHP\ext. If you're not sure, check the "extension_dir" parameter in the php.ini file.
To load the sqlsrv dirver, add the following line to the php.ini (if you're using other version of driver, adjust the setting accordingly):
extension=php_sqlsrv_53_nts_vc9.dll
Also, you would need to install Microsoft Visual C++ 2010 SP1 Redistributable Package (x86) on the web server.
Restart the web server.
To determine whether the driver has been successfully loaded, run a script that calls phpinfo().
Search for "sqlsrv" on that page (use Ctrl-F shortcut in your browser). If sqlsrv driver is installed correctly, you should see something like this:
Microsoft SQL Server 2008 R2 Native Client must also be installed on the server on which PHP is running. To download and install SQL Server 2008 R2 Native Client now, click on the link below that matches the Windows edition on the web server: